กระดานข่าว www.g-pra.com : แสดงรายละเอียดในกระทู้

ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : ฝากข้อมูล 3. ปี 2507 เหรียญหลวงพ่อแอ่ว วัดป่าประดู่

(N)

ขอให้ท่านสมาชิกฝากข้อมูลของพระรุ่นนี้ทั้งหมด รวมถึงข้อคิดเห็นต่างๆได้ที่กระดานนี้ครับ

โดยคุณ webmaster3 [พ. 22 ต.ค. 2557 - 21:19 น.]

โดยคุณ auntt (86)

[พฤ. 11 ธ.ค. 2557 - 08:04 น.] #3544986 (5/8)

"ประวัติเหรียญหลวงพ่อแอ่ว วัดป่าประดู่ ปี 2507
คัดลอกมาจาก นิตยสาร “อภินิหารและพระเครื่อง ฉบับที่ 50 ปี 4 “
คอลัมน์ “หลวงพ่อแอ่ว “โดย พ.เด็กวัด หน้าที่ 24 ถึง 28 “
เมื่อพ.ศ.๒๕๐๗ ทางวัดป่าประดู่ ซึ่งมีท่านพระครูพิศิษฏ์ศุภการ ได้จัดให้มีการหล่อรูปเหมือนหลวงพ่อแอ่ว พร้อมกับออกเหรียญรูปเหมือนของท่านพร้อมทั้งรูปหล่อเล็กๆ เพื่อให้คณะศิษย์ที่เคารพอยู่ในองค์ท่านได้สักการะบูชา รำลึกถึงพระคุณของท่านที่ได้ให้ความสว่างแห่งการศึกษาแก่คณะสงฆ์ในด้านพระปริยัติธรรมพร้อมทั้งได้อาราธนาคณาจารย์ที่มีคุณวุฒิสูงมาทำพิธีปลุกเสก ซึ่งมีรายนามดังนี้
๑.หลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง จ.ระยอง เจ้าของสีผึ้งสีเขียวที่เลิศในด้านเมตตา มหานิยม
๒.หลวงพ่อทิม วัดไร่วารี(วัดละหารไร่) จ.ระยอง คณาจารย์ที่มีพลังจิตกล้าแข็งแห่งยุค มีวิชาเป็นเลิศและยอดเยี่ยมในด้านคงกะพันแคล้วคลาด
๓.หลวงพ่อเจ้าคุณวรพรตฯ วัดป่า จ.ชลบุรี เจ้าของพระปิดตาเมตตามหานิยม
๔.พระครูลิลิตสรคุณ จ.ชลบุรี
๕.พระครูโพธิสาสน์ประศาสน์ วัดโพธิ์สัมพันธ์ จ.ชลบุรี
๖. พระเทพสิทธินายก(หลวงปู่นาค) วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ
๗.พระราชธรรมมาภรณ์(หลวงพ่อเงิน) วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม
๘.พระครูพิพิธวรญาณ(หลวงพ่อชื่น) วัดมาบข่า จ.ระยอง
๙.พระครูภาวนานุโยค(หลวงพ่อหอม) วัดป่าเรไร จ.ระยอง
คณาจารย์ทั้ง๙ท่านได้ใช้พลังจิตอันกล้าแข็ง ทุมเทกระแสจิตลงไปในวัตถุมงคลอย่างเต็มที่ เพื่อให้วัตถุมงคลเหล่านั้น เพียบพร้อมไปด้วย อิทธิฤทธิ์ บุญญฤทธิ์ อุดมลาภ อุดมผล และสามารถป้องกันตัวได้ ในพิธีนี้ได้ทำการปลุกเสกจนถึงรุ่งอรุณของวันใหม่ และเป็นพิธีที่ยิ่งใหญ่ ที่ทำถูกต้องตามตำรับโบราณตลอดจนถึงพิธีทางไสยเวททุกประการ และได้ทำการอัญเชิญดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อแอ่วให้รับรู้และร่วมทำการปลุกเสกด้วย ดังนิมิตรของหลวงพ่อเจ้าคุณวรพรตฯที่ได้กล่าวแก่ผู้ใกล้ชิดว่า” เห็นมีแสงสีขาวเป็นยวงใยออกมาจากรูปถ่ายของคุณพ่อแอ่วพุ่งเข้าไปสู่วัตถุมงคลของท่าน จึงมั่นใจว่า ของในพิธีนี้ต้องมีความขลังเป็นแน่แท้” หลังจากเสร็จพิธีการปลุกเสกแล้วหลวงพ่อเงิน แห่งวัดดอนยายหอม ได้บอกกับท่านพระครูพิศิษฏ์ศุภการว่า”เหรียญชุดนี้ของท่านพ่อหนักไปทางเมตตามหานิยมและทางมหาลาภ ต่อไปจะหายาก”

โดยคุณ auntt (86)

[พฤ. 11 ธ.ค. 2557 - 08:08 น.] #3544987 (6/8)

ประวัติหลวงพ่อแอ่ว
"พระครูสมุทร สมานคุณ (หลวงพ่อแอ่ว) มีนามเดิมชื่อ แอ่ว นามสกุลศิริสวัสดิ์ เกิดที่บ้านหนองตาเสี่ยง(อันเป็นหมู่บ้านเดียวกับหลวงพ่อวงศ์ แห่งวัดบ้านค่าย) ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง เป็นบุตรนายพรหม นางแก้ว ท่านเกิดปีระกา เดือน ๔ วันอาทิตย์ พ.ศ. ๒๔๐๔ ในวัยเด็กหลวงพ่อเป็นเด็กเฉลียวฉลาดมีใจเมตตา รักเพื่อนฝูง ท่านมีเพื่อนรักกันมากคนหนึ่ง ชื่อวงศ์(ต่อมาเป็นอาจารย์ที่มีชื่อมากในระยอง) หลวงพ่อเป็นเด็กขาว มีผิวพรรณดี ส่อให้เห็นว่าต่อไปท่านจะได้เป็นใหญ่ ในทางสงฆ์ เป็นที่เคารพของลูกศิษย์ทั่วสาระทิศ ท่านได้ช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนา จนถึงอายุ 23 ปี ท่านก็เบื่อหน่ายในเพศของฆราวาสที่ไม่มีอะไรเที่ยงแท้ จึงตัดสินใจอุปสมบทโดยมีหลวงพ่อสังข์เฒ่า(องค์นี้มีวิชาอาคมแก่กล้ามาก ท่านเป็นปู่ของหลวงปู่ทิม คุณวิเศษของท่าน เมื่อท่านถ่มน้ำลายลงบนพื้นดิน พื้นดินที่ถูกน้ำลายนั้นจะแยกเป็นรอย)เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการแจงเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูแหยวเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ณ.พัทธสีมาวัดจันทอุดม(วัดเก๋ง ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลจังหวัดระยอง) ได้รับฉายาว่า”อินทสุวัฌโณ"
บวชแล้วได้ศึกษาพระธรรมวินัยและได้ทำอุปัชฌายวัตร อาจาริยวัตรตามธรรมเนียมพระนวกะผู้บวชใหม่ ท่องบ่นสวดพระปฎิโมกข์ คัมภีร์มูลขจายจนจบ และท่านได้จำพรรษาศึกษาพระธรรมวินัยเพิ่มเติมกับพระอุปัชฌาย์ของท่านถึง ๕ พรรษา.ในสมัยนั้นได้มีระเบียบของสงฆ์ว่า”กุลบุตรใด เมื่ออุปสมบทแล้วต้องอยู่ศึกษากับอุปัชฌาย์อาจารย์ให้พ้นนิสัย คือ ๕ พรรษาที่เรียกว่า นิสสัยมุตตกะ จึงจะไปอยู่ที่อื่นได้”หลวงพ่อท่านก็ได้ปฎิบัติเช่นนั้นเหมือนกันและท่านก็ได้เรียนกรรมฐานวิปัสสนาธุระและวิชาอาคมกับอุปัชฌาย์จนเป็นที่รักใคร่ของพระอุปัชฌาย์เป็นอย่างมาก หลวงพ่อได้ศึกษาวิชาอาคมควบคู่ไปกับหลวงพ่อวงศ์ โดยเหตุที่หลวงพ่อเป็นพระที่ชอบเรียนหนักในทางธรรมและเล็งเห็นการณ์ไกลของการศึกษาแด่พระภิกษุสามเณร ท่านมักจะปรารภกับหลวงพ่อวงศ์อยู่เสมอในเรื่องนี้ พอย่างเข้าพรรษาที่ ๖ ท่านพระครูสมุทรสมานคุณ(แหยว)ซึ่งเป็นเจ้าคณะจังหวัดระยอง(สมัยนั้นเรียกว่าเจ้าคณะเมือง) และเป็นพระอนุสาวนาจารย์ของหลวงพ่อ ได้ขอตัวไปอยู่ ณ.วัดป่าประดู่(หรือวัดป่าเรไรในอดีต) เพื่อไปช่วยปฏิบัติกิจการของคณะสงฆ์ อาศัยที่หลวงพ่อแอ่วเป็นผู้ที่สนใจในด้านการศึกษาและมีความเฉลียวฉลาดมากในด้านการวิชาหนังสือ เพราะนับจากปัจจุบันขึ้นไปประมาณ ๙๐–๑๐๐ ปี ยิ่งตามหัวเมืองด้วยแล้ว จะหาผู้เชี่ยวชาญการเขียนอ่านหนังสือนั้นยากอย่างยิ่ง เมื่อหลวงพ่อไปอยู่วัดป่าประดู่ได้ไม่นาน ท่านก็ได้รับตำแหน่งพระสมุห์ฐานาของพระครูสมุทรสมานคุณ(แหยว) หลวงพ่อได้ปฏิบัติกิจของสงฆ์ด้วยความสามารถเป็นอย่างยิ่งจนพรรษาที่ ๑๒ พ.ศ.๒๔๓๗ ท่านก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ต่อมาหลวงพ่อแหยวได้มรณภาพลง ท่านได้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสสืบต่อมา และได้เป็นพระสมุห์ฐานาของพระครูสมุทรสมานคุณ(ตุ๊น) วัดลุ่มมหาชัยชุมพร ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะจังหวัดระยองสืบต่อมาจากหลวงพ่อแหยว หลวงพ่อเป็นผู้เห็นประโยชน์ในการศึกษาของคณะสงฆ์ โดยติดต่อขอครูอาจารย์ไปเปิดโรงเรียนปริยัติธรรมสอนแก่พระภิกษุสามเณรเป็นครั้งแรกในจังหวัดระยอง ด้วยความดีประกอบกับความสามารถของท่าน ต่อมาท่านก็ได้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดระยอง และท่านได้พยายามติดต่อขออนุญาตต่อทางคณะสงฆ์ทำการเปิดสนามสอบที่จังหวัดระยอง และหลังจากนั้นท่านก็ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น” พระครูสมุทรสมานคุณ” หลังจากพระครูสมุทรสมานคุณ(ตุ๊น)มรณภาพ ท่ามกลางความปิติยินดีของบรรดาศิษยานุศิษย์ การศึกษาด้านพระปริยัติธรรมในยุคของหลวงพ่อเจริญเรื่อยมาตามลำดับ จนเป็นที่กล่าวขวัญของคนทั่วไป เป็นที่ชื่นชอบของสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ วัดบวรนิเวศ กรุงเทพฯ สมัยที่ท่านประคุณสมเด็จฯ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าคณะมณฑลจันทบุรี ทรงเห็นว่าหลวงพ่อแอ่ว เมื่อครั้งที่ยังเป็นปลัดเป็นผู้ที่เอาใจใส่การศึกษามาก ซึ่งพระองค์ท่านทรงสนพระทัยในเรื่องการศึกษามากเช่นกัน แม้เวลาจะห่างกันถึง ๒๐–๓๐ ปีเมื่อพระองค์ท่านทราบว่า ผู้ที่มาเฝ้าเป็นคนทางระยอง ท่านจะทรงรับสั่งถามถึงว่า “ปลัดแอ่วยังอยู่หรือตายแล้ว” แสดงให้เห็นว่าทรงโปรดปรานและห่วงใยหลวงพ่อแอ่วมากเพียงใด ต่อมาหลวงพ่ออายุได้๗๓ปี ท่านได้พิจารณาถึงสังขารเป็นของไม่เที่ยงแท้ ท่านจึงขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดระยอง.เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๘ หลวงพ่อก็ได้ถึงแก่มรณภาพ จากไปอย่างไม่มีวันตื่น ทิ้งความดีงามให้ศิษยานุศิษย์อาลัยหาท่านอยู่ไม่รู้ลืม รวมศิริอายุได้ ๘๕ปี พรรษาที่๖๑ แต่ถึงแม้ท่านจะมรณภาพไปแล้ว แต่ท่านก็ยังทิ้งมรดกอันสุดท้ายไว้เป็นเครื่องเตือนใจให้อนุชนรุ่นหลังให้ทราบว่าท่านสนใจในการศึกษา
หลวงพ่อท่านเป็นพระที่เคร่งครัดต่อพระธรรมวินัยมาก หลังจากสวดมนต์ภาวนาตามปกติแล้ว ท่านก็จะทบทวนพระปฏิโมกข์ทุกๆคืนมิได้ขาด ปรกติแล้วท่านเป็นผู้ที่สมบูรณ์ ไม่เคยมีโรคภัยมาเบียดเบียน ท่านจะสรงน้ำประมาณ ๒ ทุ่มไม่ว่าจะเป็นฤดูร้อนหรือฤดูหนาว ท่านเป็นพระที่มีคุณธรรมสูง มีความเมตตาเป็นที่ตั้ง ให้ความรักใคร่ในศิษยานุศิษย์อย่างเสมอภาค ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง จนมีวลีติดปากในอดีตว่า” ถ้าจะเอาคงกะพันต้องไปหาท่านพ่ออี๋ วัดสัตหีบ ถ้าจะเอาเมตตามหานิยม ต้องไปหาท่านพ่อแอ่ว วัดป่าประดู่”.สมัยที่หลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ หลวงพ่อไม่เคยสร้างวัตถุมงคลอะไรไว้เลย โดยเหตุที่หลวงพ่อฝักใฝ่อยู่ในด้านการศึกษา และปรารถนาจะให้พระภิกษุสามเณรมีความรู้สูง ท่านจึงหมกหมุ่นอยู่แต่ในด้านนี้ จนถึงกาลอวสานแห่งชีวิต"

โดยคุณ auntt (86)

[พฤ. 11 ธ.ค. 2557 - 08:19 น.] #3544990 (7/8)

(N)
รูปหล่อหลวงพ่อแอ่ว ขนาดบูชานี้สร้างแค่ 100 องค์ ขนาดห้อยคอสร้างแค่ 1,000 องค์ สำหรับเหรียญนั้นสร้างแค่ 2,000 เหรียญเท่านั้น

นอกนั้นก็มีอย่างอื่นบ้างประปราย ส่วนมากจะเป็นของชาวบ้านที่ฝากปลุกเสก สำหรับทางวัดนั้นแทบจะไม่มีอะไรเลย แต่เพราะต้องการ "ทำ" ให้ "ถูก" พิธีตามโบราณจึงตั้งใจนิมนต์พระที่เก่งจริงๆ ในยุคนั้นมาร่วมพิธี เพราะทางวัดถือว่า ยังไม่เคยทำพิธีอันยิ่งใหญ่อย่างนี้มาก่อนเมื่อมีโอกาสก็เลยตั้งใจทำเพื่อให้เป็นประวัติศาสตร์ และจะได้เป็นตำนานของทางวัดให้ลูกหลานได้เล่าสู่กันฟังต่อไป

เหรียญหลวงพ่อแอ่ว ที่ทางวัดป่าประดู่สร้างขึ้นมานี้ มีทั้งกาไหล่เงิน กาไหล่ทอง และกาไหล่ทองแดง ลักษณะเป็นเหรียญกลมรูปไข่ มีรูปหลวงพ่อครึ่งองค์ ใต้รูปมีชื่อ "คุณพ่อแอ่ว" ด้านหลังเป็นยันต์ 4 มุม แต่ละมุมมีอักขระขอมว่า "จะ ภะ กะ สะ" ซึ่งเป็นหัวใจพระกรณีย์ที่มีอานุภาพสูง

ส่วนรูปหล่อของท่านนั้น เป็นเนื้อรมดำ ใต้ฐานตอกโค้ดตัว "อุ" มีเนื้อเดียว

http://board.trekkingthai.com/board/show.php?forum_id=75&topic_id=306782&&page=24

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!