ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : ประวัติหลวงพระครูวิชิตพัชราจารย์ ( หลวงพ่อทบ ) จังหวัดเพชรบูรณ์



(D)
Trip ท่องเที่ยว: หลวงพ่อทบ

เกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่เคารพนับถือของบรรดาพระทั้งหลาย หลวงพ่อทบได้มรณภาพไปแล้ว แต่ร่างกายของท่านไม่เน่าเปื่อย บรรดาลูกสิทธิ์ได้นำร่างท่านบรรจุไว้ในโลงแก้ว และปัจจุบันทางจังหวัดยังได้จัดทำ พิธีก่อสร้างอนุสรณ์หลวงพ่อพบ หล่อรูปเหมือนไว้เคารพสักการะ เมื่อได้มาเที่ยวเพชรบูรณ์ แวะไปสักการะได้ที่วัดช้างเผือก ต.วังชมภู อ.เมือง จว.เพชรบูรณ์ ก่อนถึงสามแยกวังชมภูประมาณ 2 กม.

โดยคุณ olympia (3.8K)  [ส. 15 ม.ค. 2548 - 22:01 น.]



โดยคุณ olympia (3.8K)  [ส. 15 ม.ค. 2548 - 22:04 น.] #3098 (1/20)


(D)
พระภิกษุนักปฏิบัติ ชอบสันโดษ มักน้อย ไม่นิยมสะสมเงินทอง หากมีผู้ถวายจะสมทบสร้างวัดวาอารามจนหมดสิ้น หลวงพ่อทบ หรือพระครูวิชิตพัชราจารย์ เป็นอีกท่านหนึ่งที่ถือปฏิบัติต่อเนื่องอย่างเคร่งครัดจนกระทั่งมรณะภาพ คงเหลือไว้แต่หลักธรรมคำสอนและศาสนะสถานที่หลวงพ่อได้สร้างไว้ครั้งยังมีชีวิตอยู่ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สืบทอดเจตนารมณ์ตามหลักพระพุทธศาสนา
หลวงพ่อทบ นอกจากจะเป็นพระนักปฏิบัติวิปัสนาชั้นยอดแล้ว ท่านยังมีคุณวิเศษหลายอย่าง เก่งด้านไสยเวทย์ จนได้รับการขานสมญาว่า เทพเจ้าแห่งความขลัง และที่สำคัญหลวงพ่อทบเป็นพระที่มีแต่ความเมตตากรุณา ไม่เลือกชั้นวรรณะ ด้วยเหตุนี้ทำให้หลวงพ่อทบมีลูกศิษย์มากมายทั้งในจังหวัดเพชรบูรณ์และทั่วประเทศ

โดยคุณ olympia (3.8K)  [ส. 15 ม.ค. 2548 - 22:06 น.] #3099 (2/20)


(D)
ประวัติหลวงพ่อทบ
เกิดเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2424 ตรงกับวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 4 ปีมะเส็ง ณ บ้านยางหัวลม ต.นายม (ปัจจุบันแยกเป็นตำบลวังชมภู) อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ เป็นบุตรคนที่ 3 ของนายเผือก นางอินทร์ ม่วงดี มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 4 คน คือ นายหว่าง ม่วงดี นางใบ ม่วงดี หลวงพ่อทบ นางแดง ม่วงดี
ทำไมชื่อ”ทบ” ครั้งที่หลวงพ่อทบถือกำเนิดจากครรภ์มารดา ในวันคลอดปรากฎว่ามีเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้น หลวงพ่อทบถือกำเนิดผิดแผกแตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไปที่การเวลาคลอดศรีษะจะโผล่ออกมาก่อน แต่หลวงพ่อทบตอนคลอดศรีษะกับเท้าออกมาพร้อมกัน ดังนั้นบิดามารดา จึงตั้งชื่อให้ว่า “ทบ”

หลวงพ่อทบ เกิดในตระ***ลชาวไร่ชาวนา ฐานะค่อนข้างร่ำรวย มีที่ดินและกระบือมากกว่าคนละแวกนั้น ชีวิตจึงมีความสุขสบาย ตอนเด็กหลวงพ่อทบได้เรียนที่โรงเรียนวัดแถวบ้าน หลวงพ่อทบสนใจการเรียนมาก สามารถอ่านเขียนได้ทั้งภาษาไทยและขอม ท่านชอบการอ่านเป็นอย่างมากและมีความจำเป็นเลิศ เมื่ออายุ 16 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดช้างเผือก มีพระอาจารย์สี เจ้าอาวาสซึ่งเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อทรัพย์ตาพรรณวาจาศักดิ์สิทธิ์ และเป็นผู้ทรงวิทยาคุณทางเวทย์มนต์คาถาอย่างมากเป็นผู้บรรพชาให้ ช่วงบรรพชาได้ศึกษาคาถาอาคมจนแก่กล้าและได้ศึกษาเพิ่มเติมจากพระอาจารย์ปาน เจ้าอาวาสวัดศิลาโมง จนหลวงพ่อทบได้รับการถ่ายทอดวิชาความรู้จนหมดสิ้น
เมื่อย่างอายุ 21 ปี ได้ทำการอุปสมบท ณ วัดเกาะแก้ว ต.นายม โดยมีพระครูเมือง เป็นอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า ธัมมะปัญโญภิกขุ ได้จำอยู่ที่วัดช้างเผือก เป็นเวลา 2 ปี พอเข้าฤดูพรรษาต่อมาได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดวังโป่ง อ.ชนแดน อีก 2 ปี จึงเริ่มเดินธุดงค์ ไปตามป่าเขาลำเนาไพรแต่เพียงรูปเดียว ช่วงธุดงค์ท่านได้บำเพ็ญศีลภาวนา แสวงหาความรู้ ศึกษาเวทย์มนต์คาถาตามถ้ำ หน้าผาผนังหินที่มีผู้จารึกไว้ในสมัยก่อน บางครั้งต้องดำรงชีพด้วยผลไม้ป่าและใบไม้ เคยผจญกับโขลงช้างป่า เสือ สัตว์ร้ายต่าง ๆ ท่านได้แผ่เมตตาภาวนา โดยที่สัตว์เหล่านั้นมิได้ทำอันตรายใด ๆ เลย

โดยคุณ olympia (3.8K)  [ส. 15 ม.ค. 2548 - 22:07 น.] #3100 (3/20)


(D)


จนกระทั่งได้พบกับพระธุดงค์อีกรูปหนึ่งจึงชวนกันเดินธุดงค์ไปจนถึงชายแดนพม่า และได้แสดงอภินิหารซึ่งกันและกันและแลกเปลี่ยนวิชาอาคมกัน จึงแยกย้ายคนละทิศคนละทาง หลวงพ่อทบเดินทางต่อไปจนถึงนครเวียงจันทร์ ได้รู้จักกับพระที่นั่นหลายรูป ได้ช่วยพัฒนาวัดวาอารามจนเป็นที่ชื่นชอบของพระเวียงจันทร์ ถึงกับนิมนต์ให้ประจำอยู่ที่วัด แต่หลวงพ่อปฏิเสธเพราะมีภาระอีกต่อไปคือคำสั่งของพระอาจารย์ว่าวาระสุดท้ายให้กลับไปจำที่วัดช้างเผือก จากนั้นก็ธุดงค์ไปจนถึงชายทะเลที่จังหวัดตราดติดแดนเขมร ได้ศึกษาวิชากับพระเขมร จนเป็นที่รู้จักของชาวเขมรในด้านเวทย์มนต์คาถาอาคม
หลังจากจาริกไปตามสถานที่ต่าง ๆ หลวงพ่อทบได้กลับมาที่วัดศิลาโมง ต.นายม ท่านได้บูรณะครั้งใหญ่สร้างกุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ พระอุโบสถ ตอนนั้นท่านยังไม่ได้ 40 พรรษา ชื่อเสียงยังไม่มีใครรู้จักมากนัก ต่อมาเมื่อ 40 พรรษา ได้รับนิมนต์เข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษกครั้งยิ่งใหญ่ของ วัดสุทัศน์เทพวราราม กรุงเทพฯ ตั้งแต่นั้นชื่อเสียงของท่านเริ่มมีผู้รู้จักและโด่งดังมากขึ้น เพราะในพิธีมีช่างภาพหนังสือพิมพ์หลายฉบับถ่ายรูปของท่านหลายครั้งแต่ไม่ติด หลังจากพิธีผ่านไป 5 ปี ก็มีโอกาสเข้าร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษกที่วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่ และเช่นเดียวกันช่างภาพก็ถ่ายภาพไม่ติด ทำให้ชื่อเสียงหลวงพ่อเป็นที่เลื่องลือมากขึ้น

จากตำบลนายม หลวงพ่อทบได้ไปจำพรรษาที่อำเภอชนแดน ได้สร้างวัดแห่งใหม่ขึ้น ชื่อวัดสว่างอรุณ และสร้างวัดอีกแห่งใกล้กันคือวัดพระพุทธบาทเขาน้อย พอได้อายุ 73 พรรษา ก็ได้รับเลื่อนสมณะศักดิ์เป็นเจ้าคณะอำเภอชนแดน พร้อมได้รับสถาปนาสมณะศักดิ์ทางกรมศาสนาให้ชื่อว่า “พระครูวิชิตพัชราจารย์” ช่วงนี้หลวงพ่อทบได้บูรณะวัดในเขตชนแดนอย่างจริงจัง มีการก่อสร้างปูชนียวัตถุ ปูชนียสถานอีกหลายแห่ง พออายุย่างเข้า 83 พรรษา นัยน์ตาหลวงพ่อเริ่มฟ่าฟางจนกระทั่งมืดสนิท ท่านจึงได้ลาออกจากตำแหน่งพระครูวิชิตพัชราจารย์ เจ้าคณะอำเภอชนแดน แต่เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ มีมติให้ท่านดำรงตำแหน่งพระครูวิชิตพัชราจารย์กิตติมศักดิ์ต่อไปจนตลอดอายุ
เมื่อลาออกจากสมณะศักดิ์แล้ว ท่านก็คิดถึงวัดที่เคยอาศัยอยู่กับพระอาจารย์ คือ วัดช้างเผือก ต.วังชมภู ขณะนั้นเป็นวัดร้างประมาณ 30 - 40 ปี ท่านจึงได้ออกจากวัดพระพุทธบาทเขาน้อย มาอยู่ที่วัดศิลาโมง เพราะสะดวกที่จะย้ายไปจำพรรษาที่วัดช้างเผือก ท่านได้บูรณะวัดศิลาโมงอยู่ระยะหนึ่งจึงย้ายไปจำพรรษาที่วัดช้างเผือกซึ่งร้างรอท่านอยู่ ท่านได้บูรณะพัฒนาจนวัดช้างเผือกเป็นวัดที่รุ่งเรืองที่สุดของตำบลวังชมภู
จนกระทั่งวันที่ 13 มีนาคม 2519 กรรมการวัดได้จัดงานประจำปี และพิธีวางศิลาฤกษ์พระอุโบสถหลังใหม่ ประชาชนได้หลั่งไหลร่วมงานอย่างมืดฟ้ามัวดิน คืนนั้นเกิดพายุฝนกระหน่ำอย่างหนักกว่า 5 ชั่วโมง ทุกอย่างกลับสู่ปกติ แต่บนกุฏิหลวงพ่อแวดล้อมด้วยศานุศิษย์ ญาติ โยม ใจคอไม่ดีเพราะหลวงพ่อเริ่มมีอาการผิดปกติ พยายามลุกนั่งและฉันหมากอยู่เสมอ และได้พูดเรื่องศพของท่านว่า หากตัวท่านมรณะภาพลงอย่าได้เผาเป็นอันขาดให้สร้างเป็นวิหารหรือมณฑปเก็บศพไว้ มิฉะนั้นความเจริญหรือปฏิสังขรใด ๆ ที่วัดกำลังดำเนินการอยู่จะชงักวัดจะร้างอย่างเดิม และแล้วเวลาเที่ยงวันเศษของวันรุ่งขึ้น หลวงพ่อก็มีอาการเหมือนเป็นไข้ คณะศิษย์จึงนำรถมารับเพื่อไปรักษาที่กรุงเทพฯทันที แต่ขณะรถวิ่งถึงเขตตำบลนาเฉลียง มันเป็นเวลา 4 โมงเย็นพอดีหลวงพ่อก็ปิดเปลือกตาลงอย่างสนิท หลวงพ่อทบมรณะภาพแล้ว
หลวงพ่อทบ ได้ทำการก่อสร้างบูรณะวัดวาอาราม ไปตามสถานที่ต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะได้เป็นผู้นำทำการก่อสร้างพระอุโบสถสำเร็จเรียบร้อยถึง 16 หลังทั้งได้วางศิลาฤกษ์หลังที่ 17 ไว้ที่วัดช้างเผือกซึ่งปัจจุบันก่อสร้างเสร็จแล้ว หลวงพ่อทบเป็นพระที่ไม่เลือกชั้นวรรณะตลอดชีวิต ใครมีทุกข์ท่านจะช่วยเหลือเป็นอย่างดี เป็นผู้มีกตัญญูรู้คุณครูบาอาจารย์ ท่านเคยพูดเมื่อปี 2518 ว่า ที่ต้องกลับมาอยู่วัดช้างเผือกเพราะอาจารย์ท่านสั่งไว้ ท่านยังบอกว่าตัวของท่านขณะนี้ตายแล้วเพียงแต่ไม่เน่าเท่านั้นเอง

โดยคุณ olympia (3.8K)  [ส. 15 ม.ค. 2548 - 22:08 น.] #3101 (4/20)


(D)


เมื่อเอ่ยถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อทบแล้ว มีผู้ประสพด้วยตนเองมาไม่น้อย เช่นครั้งเกิดเหตุคนร้ายบุกจี้หลวงพ่อบนกุฏิวัดพระพุทธบาทเขาน้อย คนร้ายขู่บังคับให้หลวงพ่อบอกที่ซ่อนเงินและของมีค่า เมื่อหลวงพ่อพูดว่า จะเอาเงินที่ไหนมา คนร้ายก็เหนี่ยวไกปืนยิงหลวงพ่อทันที แต่ยิงไม่ออก ยิงอยู่ 2-3 ครั้งก็ยิงไม่ออก จนตำรวจเข้าไปคนร้ายจึงยึดเอากุฏิเป็นป้อมยิงปืนสู้ตำรวจแต่ยิงไม่ออก ฝ่ายตำรวจก็ยิงบ้างแต่ก็ยิงไม่ออกเช่นกัน ขณะนั้นหลวงพ่อนั่งสมาธิเฉยอยู่ จนกระทั่งคนร้ายกระโดดลงจากกุฏิ ก็มีเสียงปืนดังขึ้น พร้อมกับเสียงร้องโอ๊ย คนร้ายถูกยิงและเสียชีวิตในที่สุด และยังมีเรื่องเล่าถึงปาฏิหาริย์เกี่ยวกับหลวงพ่อทบอีกมากมาย

เมื่อวันที่ 1 ก.ค.47 ที่วัดช้างเผือก ตำบลวังชมภู อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ นายดิเรก ถึงฝั่ง
ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมด้วย ข้าราชการ พ่อค้าประชาชน ร่วมกันจัดพิธีอัญเชิญรูปหล่อเหมือนหลวงพ่อทบ พระครูวิชิตพัชราจารย์ ประดิษฐานบนแท่นอนุสรณ์สถานพร้อมจัดพิธีถวายเครื่องบวงสรวง โดยมีประชาชนเข้าร่วมพิธีอย่างเนืองแน่น
ได้จัดพิธีมหาพุทธาภิเษกวัตถุมงคลหลวงพ่อทบภายในอุโบสถ โดยมีพระราชพัชราภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ประกอบพิธีจุดเทียนชัย มีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังจำนวน 9 รูป อธิตฐานจิตพุทธาภิเษก ได้แก่ หลวงพ่อพูล หลวงพ่อเพิ่ม หลวงปู่ทิม หลวงพ่อรวย หลวงพ่อรอด หลวงพ่อประสิทธิ์ หลวงปู่อ่ำ หลวงพ่อบุญช่วย หลวงพ่อจอย และ พระสงฆ์ 108 รูปร่วมสวดรอบอุโบสถ
สำหรับวัตถุมงคลหลวงพ่อทบจะนำออกให้ผู้มีจิตศรัทธาเช่าบูชา เพื่อสมทบทุนปรับปรุงวิหาร โลงแก้ว และปรับภูมิทัศน์บริเวณวัด ให้สวยงาม เป็นสถานที่พักผ่อนด้านจิตใจ

โดยคุณ olympia (3.8K)  [ส. 15 ม.ค. 2548 - 22:10 น.] #3102 (5/20)


(D)

โดยคุณ olympia (3.8K)  [ส. 15 ม.ค. 2548 - 22:12 น.] #3103 (6/20)
ข้อมูลจาก www.tourphetchabun.com

โดยคุณ เอ_วัดเสด็จ (5.1K)  [ส. 15 ม.ค. 2548 - 22:17 น.] #3104 (7/20)
เยี่ยมครับพี่

โดยคุณ suprom (272)  [อา. 16 ม.ค. 2548 - 15:47 น.] #3113 (8/20)
อยากทราบว่าแหวนลงยาเนื้อเงินลงยา สีธงชาติไทย สร้างทันท่านหรือไม่ครับ ค่านิยมประมาณเท่าไหร่ ผมมีอยู่วงหนึ่งแต่มีแต่หัวแหวนตัววงหายไปแล้ว

โดยคุณ olympia (3.8K)  [จ. 17 ม.ค. 2548 - 10:27 น.] #3118 (9/20)
เป็นรุ่นใหน พิมพ์ใหนครับ

โดยคุณ duckman (92)(1)   [จ. 17 ม.ค. 2548 - 11:55 น.] #3120 (10/20)
สุดยอดครับ

โดยคุณ suprom (272)  [จ. 17 ม.ค. 2548 - 20:29 น.] #3127 (11/20)
ตอนนนี้กล้องที่อยู่ในมือคุณภาพแย่มาก (หรือผมถ่ายไม่ค่อยเก่งก็ไม่รู้นะครับ) เอาไว้ผมซื้อกล้องใหม่ก่อนแล้วจะโพสมาถามคุณ olympaia ใหม่ในกระทู้นี้อีกทีนะครับ กรุณาติดตามชมตอนต่อไป

โดยคุณ หมอเมืองเพชร  [อ. 18 ม.ค. 2548 - 20:12 น.] #3143 (12/20)
-แหวนของคุณsuprom เป็นแหวนเพชรกลับครับถึงแยกตัวแหวนกับหัวแหวนได้.
-แหวนเพชรกลับสีธงชาติ ลพ.ทบ สร้าง 2 วัดครับ คือที่วัดช้างเผือกและวัดชนแดน แต่คนละบล็อกกันครับ สภาพสวยๆยาเต็มไม่กระเทาะ ราคาอยู่หลักพันกลางถึงปลายครับ.

โดยคุณ olympia (3.8K)  [พ. 19 ม.ค. 2548 - 18:11 น.] #3156 (13/20)
คุณหมอตอบเรียบร้อยแล้วนะครับ คุณ suprom ขอบคุณคุณหมอมากครับ

โดยคุณ suprom (272)  [ศ. 21 ม.ค. 2548 - 10:14 น.] #3180 (14/20)
ขอขอบพระคุณในน้ำใจและความกรุณาของคุณหมอและคุณ olympia มากนะครับ

โดยคุณ pohchang (40)  [พฤ. 09 ก.ย. 2553 - 00:23 น.] #1290920 (15/20)

โดยคุณ anchai (115)(3)   [ส. 20 ส.ค. 2554 - 21:51 น.] #1806550 (16/20)

โดยคุณ orton (1.9K)  [ส. 20 ส.ค. 2554 - 22:21 น.] #1806719 (17/20)

โดยคุณ kamlaingern (332)  [พ. 10 ต.ค. 2555 - 01:37 น.] #2495547 (18/20)


(N)

โดยคุณ คุณอั้ม (745)  [พ. 05 ก.พ. 2557 - 18:57 น.] #3209245 (19/20)


(N)

โดยคุณ คุณอั้ม (745)  [จ. 08 ธ.ค. 2557 - 11:41 น.] #3543101 (20/20)


(N)

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM