เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ -2.0cm ถ้าใหญ่สามารถไปให้ช่างลดขนาดได้ครับ
แก้วโป่งข่ามสามารถจำแนกออกได้นับเป็นร้อยประเภท ขึ้นอยู่กับลวดลายและสีสันต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของแก้วจากแหล่งนี้ บางประเภทถือว่าเป็นแก้วในตำนาน ซึ่งหาพบได้ยากมากในปัจจุบัน
ความเชื่อถือแก้วโป่งข่ามได้มาจากการเล่าขานประสบการณ์ต่าง ๆ ของผู้ที่ครอบครองนับจากสมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน รวมไปถึงประสบการณ์ของผู้ที่ถือครองเอง ดังนั้นการเลือกแก้วจึงอาจจะแตกต่างกันบ้าง ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละคนเป็นหลัก
คาถาบูชาแก้วโป่งข่าม
ข่ามคง, แคล้วคลาด
(แก้วทุกชนิด) นะมะพะทะ นิมิพิทิ นุมุพุทุ
แก้วทุกชนิด นะอุกะอะ นะมะมะอะ มะอุมะนะ อะนะอะมะ อะอุอุมะ อุนะอุอะ
(เจริญด้วยทรัพย์สมบัติ ปราศจากโรคภัย)
พิรุณแสนห่า
(หรือแก้วชนิดอื่น) พุทโธโมเธยยัง มุตโตโมเจยยัง ติณโณตาเรยยัง ปะสะหังปะตัง
หมอกมุงเมือง
(หรือแก้วชนิดอื่น) เทวะรานะมานะ (ภาวนาให้เกิดความร่มเย็น)
แก้วทราย
(หรือแก้วชนิดอื่น) สะมามิมิทธิมามิ (เจริญด้วยสมบัติ ร่ำรวยเงินทอง)
แก้วโป่งข่ามกับพิธีกรรม
การล้างแก้ว เชื่อกันว่าการล้างแก้วเป็นการชำระล้างสิ่งไม่ดีที่แก้วได้ซึมซับเอาไปจากตัวเรา โดยการนำแก้วไปล้างกับน้ำที่ไหล ซึ่งอาจจะเป็นลำธาร, ก๊อกน้ำ หรือน้ำที่รินออกจากแก้วก็ได้ (ล้างได้บ่อยเท่าที่มีโอกาส)
การขึ้นพานบูชาแก้ว จะกระทำกันในวันพระ โดยเฉพาะวันพระขึ้น 15 ค่ำ (วันเพ็ญ) โดยการนำเอาน้ำสะอาด 1 แก้ว, ดอกไม้หรือเครื่องหอม (น้ำอบ, แป้งหอม ฯลฯ) ใส่พาน และกำหนดจิตด้วย คาถาบูชาแก้ว (หากเป็น "แก้วเข้าแก้ว" ขอแนะนำให้หาหมากหนึ่งคำใส่พานด้วย)
แก้วอาบแสงจันทร์ การนำแก้วอาบแสงจันทร์ (วันเพ็ญ) เชื่อกันว่า แก้วจะดูดซับพลังจากแสงจันทร์ ซึ่งจะมีผลทำให้แก้วมีพลังอานุภาพมากยิ่งขึ้น และยังเป็นการทำให้แก้วนั้นบริสุทธิ์อีกด้วย (เป็นที่ทราบกันดีว่า ในทางวิทยาศาสตร์ระบุว่าดวงจันทร์มีพลังที่ส่งผลกระทบถึงโลก อันเป็นสาเหตุของน้ำขึ้น น้ำลง และอื่น ๆ)
การเข้าร่วมพิธีกรรม การนำแก้วเข้าร่วมพิธีกรรมต่าง ๆ ของพระภิกษุสงฆ์ เนื่องจากแก้วจะได้ซึมซับพลังจากการแผ่เมตตาจิตของพระภิกษุ แก้วโป่งข่ามเป็นแก้วที่สูงค่า และเสริมบารมีกับผู้ครอบครองที่เชื่อถือ และศรัทธามาแต่ครั้งบรรพกาล และสืบต่อมาถึงปัจจุบัน พร้อมกับวิถีความเชื่อทั้งเก่าและใหม่ที่ดำเนินควบคู่กันได้อย่างสอดคล้อง และลงตัว
ในปัจจุบันลักษณะความเชื่อถือแก้วโป่งข่ามนั้นมาจากประสบการณ์ต่างๆ ทั้งจากอดีตที่เล่าต่อกันมา และจากประสบการณ์เองโดยตรง
สำหรับแก้วโป่งข่าม ที่อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง นับเป็นอีกหนึ่งของดีแห่งคู่บ้านคู่เมือง แก้วโป่งข่าม มีลักษณะเป็นหินแก้วตระกูลแร่ควอทซ์ ซึ่งมีความแข็งแรงเป็นลำดับที่ 4 ของมาตราวัดความแข็งของแร่
คำว่า แก้ว หมายถึง หินแข็งใสแลลอดเข้าไปข้างในได้ โป่ง หมายถึง ลักษณะของสิ่งที่พองด้วยลม หรือแก๊ส เช่นดินโป่ง(ดินที่มีเกลือ) ข่าม หมายถึง การอยู่ยงคงกระพัน ดังนั้นแก้วโป่งข่าม จึงมีความหมายถึง หินแข็งใสที่มองเล็ดลอดเข้าไปข้างใน และมีความอยู่ยงคงกระพัน โดยเกิดจากการผุดขึ้นมาที่ช่องดิน ด้วยเหตุนี้หลายๆคนจึงเชื่อว่าหากมีแก้วโป่งขามไว้ในครอบครองจะทำให้อยู่ยงคงกระพัน
โดยตำนานอภินิหารความคงกระพันของแก้วโป่งข่ามนั้น เล่ากันว่า ในเขตดอยโป่งหลวงเป็นบริเวณที่มีดินโป่งสำหรับสัตว์ที่จะกินเป็นอาหารได้ บริเวณดังกล่าวสมัยโบราณเป็นที่ชักลากไม้สัก ไม้ไผ่ และของป่า สำหรับชาวเมืองเถิน ส่วนขุมแก้วที่มีอยู่แม้จะทราบกันมานานแล้วแต่ก็น้อยคนนักที่จะทราบแหล่งขุมต่างๆที่แน่นอน เพียงแต่เข้าไปเพื่อหาของป่ามาขายเท่านั้น
สำหรับการค้นพบแก้วโป่งขามที่ อ.เถินนั้นมีเรื่องเล่าว่า เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2545 บริเวณดอยโป่งหลวง บ้านนาบ้านไร่ หมู่ที่ 5 ต.แม่ถอด อ.เถิน จ.ลำปาง ห่างจากหมู่บ้านไปทางทิศเหนือประมาณ 3 กิโลเมตร ได้มีการขุดค้นพบแก้วโป่งข่ามยักษ์สูง 95 ซ.ม. กว้างรอบแท่งแก้ว 166 ซ.ม. น้ำหนักประมาณ 1 ตัน ชาวบ้านจึงได้นำมาถวายและเก็บไว้ที่วัดนาบ้านไร่
ทั้งนี้ก่อนวันที่จะขุดค้นพบนั้น นายกาบ พรมไชย ราษฎรบ้านนาบ้านไร่ หนึ่งในชาวบ้านที่ขุดพบได้ฝันว่า มีแก้วปวกเขียวลักษณะเป็นแท่งลอยมาหา และได้พยายามคว้าไว้แต่ไม่ได้ และแท่งแก้วดังกล่าวได้ลอยไปอยู่บริเวณปากหลุมที่ขุดค้นพบ
เรื่องนี้ใครจะเชื่อเช่นใดหรือใครจะมีความคิดเห็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคน แต่ที่แน่ๆก็คือปัจจุบันแก้วโป่งข่าม อ.เถิน ได้ถูกนำมาดัดแปลงเจียระไนเป็นเครื่องประดับ หัวแหวน ล๊อกเกต หรือแม้แต่นำมากะสลักเป็นพระพุทธรูป |
|