ชื่อพระเครื่อง | หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดเกรียงไกรกลาง จ.นครสวรรค์ 5 นิ้ว 100 เดียวร่วมสนุกกันครับ |
รายละเอียด | หลวงพ่อสัมฤทธิ์ วัดเกรียงไกรกลาง จ.นครสวรรค์ 5 นิ้ว
หลวงพ่อสัมฤทธิ์" เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย เนื้อทองสำริด ขนาดหน้าตักกว้าง 99 เซนติ เมตร สูง 139 เซนติเมตร คาดว่าน่าจะสร้างขึ้นในสมัยสุโขทัย ต่อมากรุงสุโขทัยเสื่อมอำนาจลง ประกอบกับเป็นช่วงที่มีศึกสงครามบ่อยครั้ง ชาวกรุงสุโขทัยจึงได้นำพระพุทธรูปขึ้นแพล่องมาตามลำน้ำ
จนกระทั่ง ล่วงมาถึงปากน้ำเชียงไกล แพที่นำมาเกิดจมลง ชาวบ้านจึงช่วยกันนำพระ พุทธรูปขึ้นประดิษฐานไว้ที่ริมแม่น้ำบริเวณปากน้ำเชียงไกล และโบกปูนปิดทับไว้ที่ด้านนอกองค์พระเพื่อป้องกันคนร้าย ซึ่งในขณะนั้นบริเวณดังกล่าวยังไม่มีวัด พระพุทธรูปจึงถูกทิ้งตากแดดตากฝนไว้ที่ริมแม่น้ำเป็นเวลาหลายปี
เมื่อประมาณ พ.ศ.2174 ตรงกับสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ชาวบ้านปากน้ำเชียงไกลจึงช่วยกันสร้างวัดขึ้น ณ ตรงที่ประดิษฐานพระพุทธรูปนั้น ในขณะนั้นยังเป็นช่วงที่มีศึกสงคราม ด้วยเพิ่งสร้างกรุงศรีอยุธยาใหม่ๆ
อีกทั้ง เมืองนครสวรรค์ หรือเมืองพระบางเป็นเมืองหน้าด่านทางทิศเหนือ จึงไม่เป็นการปลอดภัย วัดที่สร้างขึ้นได้ตั้งชื่อตามหมู่บ้านว่าวัดเชียงไกล ต่อมาชื่อหมู่บ้านปากน้ำเชียงไกลเพี้ยนไปเป็นบ้านเกรียงไกร และมีหมู่บ้านใหญ่โตแยกออกไปเป็นบ้านเกรียงไกรเหนือ เกรียงไกรกลาง เกรียงไกรใต้
วัดจึงได้เปลี่ยนชื่อตามหมู่บ้านเป็นวัดเกรียงไกรกลางจนถึงปัจจุบัน
พ.ศ.2224 วัดเชียงไกลได้สร้างพระอุโบสถขึ้น เพื่อให้ปลอดภัยจากสงครามและโจรผู้ร้าย ชาวบ้านจึงได้อัญเชิญพระพุทธรูปเข้ามาไว้ในพระอุโบสถ โดยซ่อนพระพุทธรูปไว้ในผนังพระอุโบสถ เวลาล่วงเลยมานานหลายร้อยปี ไม่มีใครรู้ว่ามีพระพุทธรูปซ่อนอยู่ในผนังพระอุโบสถ
จวบจนกระทั่ง พ.ศ.2511 ได้มีการซ่อมผนังพระอุโบสถ จึงได้พบพระพุทธรูปซ่อนอยู่ ซึ่งในตอนแรกที่พบเห็นเป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ไม่มีใครทราบว่าเป็นพระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์
ต่อมา ปูนที่ห่อหุ้มพระพุทธรูปเกิดรอยกะเทาะบริเวณไหล่ และมีแสงส่องเข้ามาเห็นแสงสะท้อน ชาวบ้านจึงช่วยกันนำพระพุทธรูปออกจากพระอุโบสถมากะเทาะปูนที่ห่อหุ้มพระพุทธรูปออก จึงทราบว่าเป็นพระพุทธรูปทองสัมริดและเรียกพระพุทธรูปนั้นว่าหลวงพ่อสัมฤทธิ์
หลังจากซ่อมแซมพระอุโบสถแล้ว จึงได้อัญเชิญพระพุทธรูปมาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ
หลวงพ่อสัมฤทธิ์ ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถเก่ามาเป็นเวลานาน
ต่อมาพระอุโบสถชำรุดและมีโจรผู้ร้ายลักตัดเศียรพระ เพื่อความปลอดภัยทางวัดจึงได้โยกย้ายหลวงพ่อสัมฤทธิ์ออกมาจากพระอุโบสถและสร้างวิหารที่แน่นหนา มีประตูเหล็กปิดอย่างดี แต่ต้องย้ายหลวงพ่อสัมฤทธิ์กลับมาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถอย่างเดิม เพื่อให้ประชาชนได้สักการบูชา
ด้านความศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่อสัมฤทธิ์ เป็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะสมส่วน อ่อนช้อยสวยงาม เป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านเกรียงไกรมานาน เหตุที่หลวงพ่อสัมฤทธิ์เป็นที่เคารพสักการะอันหนึ่ง คือ ความงามทางพุทธศิลป์ และปูนปั้นที่ห่อหุ้มองค์พระ
หลังจากที่มีรอยกะเทาะและเห็นเป็นพระพุทธรูปทองสำริด ชาวบ้านได้ช่วยกันกะเทาะปูนที่หุ้มองค์พระออก ปรากฏว่าเป็นปูนผสมรักปิดทอง ทางวัดได้เก็บเศษปูนที่กะเทาะออกไว้ มีชาวบ้านหลายคนได้นำเศษปูนไปเลี่ยมพลาสติกแขวนคอเป็นของขลังติดตัว
นายชุบ กระตือหน ชาวบ้านหมู่ 5 ต.เกรียงไกร มีอาชีพทำน้ำตาล ซึ่งนายชุบมีเศษปูนหลวงพ่อสัมฤทธิ์บูชาติดตัวเป็นประจำ วันหนึ่งนายชุบเกิดเมาน้ำตาลและทดลองอธิษฐานเศษปูนนั้นแล้วเอามีดปาดตาลฟันที่แขนตนเองอย่างแรง แต่ปรากฏว่าไม่มีรอยแผลแม้แต่น้อย ทำให้ชาวบ้านเกรียงไกรต่างฮือฮาถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อสัมฤทธิ์และต่างพากันแสวงหาเศษปูนไปบูชาประจำบ้านกัน ใครที่มีอยู่ต่างก็หวงแหนเก็บไว้
ต่อมาหลวงพ่อบุญเหลือ อดีตเจ้าอาวาสและกรรมการวัดได้นำเอาเศษปูนมาเป็นส่วนผสมในการสร้างพระสมเด็จ เพื่อออกแจกจ่ายให้ประชาชนเช่าบูชา พระสมเด็จดังกล่าวเป็นที่นิยมของประชาชนทั่วไปจนหมดจากวัดไปในเวลาไม่นาน เนื่องจากผู้ที่ได้พระสมเด็จไปบูชาติดตัว ต่างก็ประสบความอัศจรรย์หลายอย่าง ทั้งทางด้านการค้าและแคล้วคลาดปลอดภัยจากอุบัติเหตุ
รวมทั้งการบนบานขอให้ได้ประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน ก็ไม่เป็นที่ผิดหวังเหมือนกับชื่อหลวงพ่อสัมฤทธิ์ คือ จะสัมฤทธิผลในสิ่งที่ถูกที่ควร |
ราคาเปิดประมูล | 50 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 2,350 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 50 บาท |
วันเปิดประมูล | - 21 ก.ค. 2552 - 17:12:15 น. |
วันปิดประมูล | - 22 ก.ค. 2552 - 17:31:44 น. (ปิดประมูลแล้ว) |
ผู้ตั้งประมูล | เขี้ยวเสือ (2.8K)(1)
|