(0)
ผ้ายันต์สามเหลี่ยม หลวงพ่อปาน วัดมงคลโคธาวาส(คลองด่าน) อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ




รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องผ้ายันต์สามเหลี่ยม หลวงพ่อปาน วัดมงคลโคธาวาส(คลองด่าน) อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ
รายละเอียดพระครูพิพัฒน์นิโรธกิจหรือหลวงพ่อปาน วัดมงคลโคธาวาส(วัดบางเหี้ยนอกหรือวัดคลองด่าน) ตำบลคลองด่าน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ เกิดเมื่อปี พ.ศ.2368 ตอนเป็นเด็กบิดามารดาได้นำไปฝากไว้กับท่านเจ้าคุณศรีศากยมุนี วัดอรุณราชวรารามหรือวัดแจ้ง เพื่อให้เรียนหนังสือไทย ต่อมาได้บรรพชาเป็นสามเณรก่อนสึกมาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพทำจาก และตัดฟืนไปขาย ท่านเป็นมีนิสัยอดทน หนักเอาเบาสู้ ใช้ชีวิตแบบชาวบ้านธรรมดา จนอายุครบจึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่วัดอรุณราชวราราม โดยมีท่านเจ้าคุณศรีศากยมุนีเป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้ศึกษาด้านวิปัสสนากรรมฐานและไสยศาสตร์ โดยได้รับการถ่ายทอดจากคณาจารย์หลายองค์จนเชี่ยวชาญและได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดบางเหี้ยนอก(ปัจจุบันคือวัดมงคลโคธาวาส) ต่อมาท่านได้ธุดงค์ไปฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อแตง วัดอ่างศิลา ได้ศึกษาด้านวิปัสสนาธุระ ไสยเวทย์มนต์ต่างๆ จนเชี่ยวชาญและสร้างชื่อเสียงให้หลวงพ่อปานเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการสร้าง เขี้ยวเสือโคร่งแกะเป็นรูปเสือนั่ง ต่อมา เมื่อปี พ.ศ.2452 ประตูน้ำที่กั้นแม่น้ำบางเหี้ย(ประตูน้ำชลหารพิจิตรในปัจจุบัน) ได้เกิดรั่วไม่สามารถปิดกั้นน้ำให้อยู่ได้ ไม่ว่าช่างจะซ่อมอย่างไร จนกระทั่งข้าราชการในท้องถิ่นได้นำความขึ้นกราบทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ให้ทรงทราบ ท่านจึงเสด็จมาดูแลการซ่อมและทรงประทับอยู่ที่ประตูน้ำบางเหี้ยเป็นเวลา 3 วัน ระหว่างนั้นพระองค์ได้รับสั่งให้นิมนต์หลวงพ่อปานเข้าเฝ้าฯ เพื่อไต่ถามเรื่องต่างๆ โดยขณะที่หลวงพ่อปานเดินทางเข้าเฝ้าฯ นั้นได้ให้เด็กชายป๊อดถือพานใส่เขี้ยวเสือที่แกะเป็นรูปเสือไปเพื่อจะถวายท่านด้วย แต่เมื่อไปถึงที่ประทับ หลวงพ่อได้เรียกเอาพานใส่เขี้ยวเสือจากเด็กชายป๊อด แต่พบว่าไม่มีเขี้ยวเสืออยู่ในพานเลย โดยเด็กชายป๊อดบอกว่า เสือกระโดดลงน้ำระหว่างทางจนหมดแล้ว หลังจากหลวงพ่อปานทราบจึงได้ให้นำเอาดินเหนียวมาปั้นเป็นรูปหมู แล้วเสียบไม้แกว่งล่อเสือขึ้นมาจากน้ำต่อหน้าพระพักตร์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งประทับทอดพระเนตรอยู่ตลอด จนถึงกับตรัสกับหลวงพ่อปานว่า “พอแล้วหลวงตา” ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เล่าถึงพระปานไว้ในหนังสือเรื่อง “เสด็จประพาสมณฑลปราจิณ” ไว้ว่า “พระครูปานมาหาด้วย พระครูปานรูปนี้นิยมกันในทางวิปัสสนา และธุดงควัตร มีพระสงฆ์วัดต่างๆ ไปธุดงค์ด้วยสองร้อยสามร้อย แรกลงไปประชุมที่วัดบางเหี้ย มีสัปบุรุษที่ศรัทธาเลื่อมใสช่วยกันเลี้ยง กินน้ำจืดที่มีไว้เกือบจะหมดแล้วก็ออกเดินทางที่เดินนั้น ลงไปบางปลาสร้อย แล้วจึงเวียนกลับขึ้นไปปราจิณ นครนายก ไปพระบาท แล้วเดินลงมาทางสระบุรี ถ้ามาตามทางรถไฟ แต่ไม่ขึ้นรถไฟ เว้นแต่พระที่เมื่อยล้าเจ็บไข้ ผ่านกรุงเทพฯกลับลงไปบางเหี้ย ออกเดินทางอยู่ในแรมเดือนยี่ กลับไปวัดอยู่ในราวเดือนห้าเดือนหก ประพฤติเป็นอาจิณวัตรเช่นนี้มา 40 ปีแล้ว คุณวิเศษที่คนเลื่อมใสคือ ให้ลงตะกรุด ด้ายผูกข้อมือ รดน้ำมนต์ ที่นิยมกันมากคือ เขี้ยวเสือแกะเป็นรูปเสือ เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ฝีมือหยาบๆ ข่าวที่ร่ำลือกันว่า เสือนั้นเวลาจะปลุกเสก ต้องใช้หมู ปลุกเสกเป่าไปข้อไร เสือนั้นกระโดดลงไปในเนื้อหมูได้ ตัวพระครูเองเห็นจะได้ความลำบาก เหน็ดเหนื่อยในการที่ใครๆ กวนให้ลงโน่นลงนี่ เขาว่าบางทีก็หนีไปอยู่ในป่าช้า ที่พระบาทฯ (สระบุรี) ก็หนีไปอยู่บนเขาโพธิ์ลังกา คนก็ยังตามไปกวนไม่เป็นอันหลับอันนอน แต่บริวารเห็นจะได้ผลประโยชน์ ในการทำอะไรๆ ขาย เวลาแย่งชิงก็ขึ้นไปถึง 3 บาท ว่า 6 บาทก็มี ได้รูปเสือนั้นแล้วจึงไปให้พระครูปลุกเสก สังเกตดูอัธยาศัยเป็นคนแก่ใจดีมีกิริยาเรียบร้อย อายุ 70 แล้วยังไม่แก่มาก รูปร่างล่ำสันใหญ่โต เป็นคนพูดน้อย มีคนมาช่วยพูด” หลวงพ่อปาน เป็นพระภิกษุที่ปฏิบัติธรรมวินัยเคร่งครัด ปฏิบัติกิจของสงฆ์เป็นประจำทุกวัน เช่น นำพระสงฆ์ออกบิณฑบาตทุกๆเช้า สวดมนต์เช้า-เย็นเป็นประจำทุกวัน ความศักดิ์สิทธิ์และอภินิหารของหลวงพ่อเป็นที่เลื่องลือกันทั่วไป เป็นพระอาจารย์ ที่มีญาณแก่กล้าชื่อเสียงโด่งดัง เครื่องรางของขลัง ของท่านเป็นที่เลื่อมใสศรัทธามากและสืบ เสาะหากันจนทุกวันนี้ หลวงพ่อปานมรณภาพ เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2453


หลวงพ่อปานสร้างวัตถุมงคลไว้หลายอย่าง ส่วนใหญ่จะเป็นตะกรุด ผ้ายันต์ เขี้ยวเสือแกะ ซึ่งล้วนหายากและมีราคาสูงมาก เพราะสร้างน้อย มีพุทธคุณโดดเด่นเป็นที่เสาะหาและมีราคาแพงมาตั้งแต่หลวงพ่อยังอยู่แล้ว สุดที่ชาวบ้านธรรมดาจะมีไว้ครอบครองได้


สำหรับผ้ายันต์รูปสามเหลี่ยมที่นำมาประมูลนี้ มีที่ว่าหลวงพ่อปาน ซึ่งเป็นหนึ่งในพระเกจิอาจารย์ ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์อภินิหารมาตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ 5 แล้ว ก่อนที่หลวงพ่อปานจะมรณภาพนั้น ประชาชนที่มีความเคารพบูชาหลวงพ่อ ได้พร้อมใจกันหล่อรูปท่านขนาดเท่าองค์จริงขึ้นมา เพื่อไว้เป็นที่เคารพบูชา เพราะหลวงพ่อไม่ค่อยอยู่วัด ท่านมักจะเดินธุดงค์ไปในที่ต่างๆ เป็นประจำ ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ตำบลคลองด่าน ส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพทำประมง ก่อนที่ชาวบ้านจะออกเรือก็มักจะเดินทางมากราบไหว้หลวงพ่อปาน เพื่อขอพรให้เดินทางปลอดภัย ชาวบ้านที่มากราบไหว้หลวงพ่อก็มักจะประสบความสำเร็จ ออกเรือหาปลาได้ครั้งละมากๆ ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ตำบลคลองด่านมีความอยู่ดีกินดีกันเกือบทุกครัวเรือน


หลังหลวงพ่อปานมรณภาพลงแล้ว ทุกๆวัน ขึ้น 4 ค่ำเดือน 12 ของทุกปี ชาวบ้านคลองด่านซึ่งส่วนใหญ่ทำอาชีพประมงจะอันเชิญรูปหล่อหลวงพ่อปานจากวัดมงคลโคธาวาส ลงเรือแห่ไปตามลำคลองคลองด่าน โดยมีเรือประมงของชาวบ้านจำนวนมากเข้าร่วมขบวนแห่ไปที่ปากอ่าวและแล่นเรือวนปากอ่าว 3 รอบ หลังจากนั้นก็จะเคลื่อนขบวนกลับเข้าฝั่ง ขากนั้นจะอัญเชิญองค์หลวงพ่อปานขึ้นประดิษฐานบนรถบุษบกแห่ไปทั่วจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อให้ชาวบ้านได้นมัสการและขอพร โดยมีชาวบ้านทั้งในจังหวัดสมุทรปราการและจังหวัดใกล้เคียงเข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมากจนเป็นประเพณีสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน ประเพณีแห่หลวงพ่อปานทางเรือนี้เองเป็นที่มาของการแจกธงหลวงพ่อปาน ซึ่งจะจัดทำขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อแจกให้แก่เรือประมงของชาวบ้านและผู้ที่เดินทางไปร่วมงานที่บริเวณกลางทะเลเป็นประจำทุกปี เป็นของหายากว่ากันว่าหลายคนได้โชคลาภจากเลขในธงนี้ทุกปี


สำหรับวัตถุมงคลที่นำมาประมูลวันนี้ เป็นธงสามเหลี่ยมที่ได้มาจากพิธีแห่หลวงพ่อปานหลายปีก่อน ขนาดกว้าง 7 นิ้ว ยาว 12 นิ้ว สภาพสวย น่าสะสม นำมาประมูลในราคาเบาๆ เคาะเดียวขั้นต่ำ
ราคาเปิดประมูล300 บาท
ราคาปัจจุบัน-- ยังไม่มีผู้เสนอราคา -- (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ50 บาท
วันเปิดประมูล - 28 พ.ค. 2566 - 17:43:03 น.
วันปิดประมูล - 07 มิ.ย. 2566 - 17:43:03 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลkasemchonburi (3K)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     300 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     50 บาท

!!! ท่านต้อง login เข้าสู่ระบบก่อน จึงจะสามารถร่วมประมูลได้ !!!


 

Copyright ©G-PRA.COM