(0)
หินเมืองบังบด แร่บังบด (เหล็กไหลพญานาค) (เป็นหินแร่ลึกลับของเมืองบังบด(เมืองลับแล)) - หลวงพ่อหนุน วัดพุทธโมกข์ สายหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง






รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องหินเมืองบังบด แร่บังบด (เหล็กไหลพญานาค) (เป็นหินแร่ลึกลับของเมืองบังบด(เมืองลับแล)) - หลวงพ่อหนุน วัดพุทธโมกข์ สายหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
รายละเอียดหินเมืองบังบด แร่บังบด (เหล็กไหลพญานาค) (เป็นหินแร่ลึกลับของเมืองบังบด(เมืองลับแล)) - หลวงพ่อหนุน วัดพุทธโมกข์ สายหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
ตามที่ทราบกันทั่วไปในหมู่คณะศิษย์ของพระเดชพระคุณพระครูวิชัยสารคุณ

หลวงพ่อหนุน สุวิชโย ว่าท่านมักจะแจกวัตถุมงคลชนิดหนึ่ง

ซึ่งมีลักษณะเป็นก้อนหินแร่สีดำปนน้ำตาล หรือ มีลักษณะคล้ายหินที่มีสนิมเหล็กติดอยู่

รูปร่างไม่จำกัดบ้างกลมบ้างตะปุ่มตะป่ำ

ซึ่งท่านมักจะนำมาแจกให้กับลูกศิษย์ที่เข้ามากราบขอพรมาเป็นเวลาหลายปี

ทั้งนี้ ท่านเมตตาอธิบายง่ายๆ ว่า พกติดตัวไว้ในกระเป๋าสตางค์

ติดไว้ที่ป้ายร้านค้าหรือบริษัทก็ตามจะก่อให้เกิดมงคล

ใช้ในการเจรจา การค้าขาย โดยท่านว่ามีคุณในเรื่องการค้าและโชคลาภพอสมควร

แต่ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับศรัทธา ลูกศิษย์หลายคนมักจะเรียกหรือรู้จักแร่ชนิดนี้ในชื่อ

“แร่ทรหด” หรือ “เหล็กไหลพญานาค”

พระเดชพระคุณหลวงพ่อหนุน สุวิชโย เคยปรารภกับคณะศิษย์อยู่หลายครั้งใน

ปกิณกธรรมสนทนาว่า แร่ชนิดนี้เป็นแร่ของเมืองบังบด

ซึ่งอยู่ในรอยต่อของหุบเขาซึ่งมีขนาดพื้นที่กว้างใหญ่ และ

ทางเข้าไปมีลักษณะคล้ายถ้ำมีความลึกมาก มนุษย์ธรรมดายากจะเข้าไปได้

ว่ากันว่าคนที่อยู่อาศัยในเมืองบังบดมีอายุขัยยืนยาวกว่ามนุษย์ธรรมดา

ซึ่งท่านว่าอาจจะเป็นคนธรรพ์หรือวิทยาธรก็เป็นได้

และ เราไม่สามารถเห็นตัวเขาได้ถ้าเขาไม่ต้องการจะให้เห็น

เมื่อมีลูกศิษย์เรียนถามว่าแร่ดังกล่าวมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ผู้ดูแลรักษาอยู่หรือไม่

พระเดชพระคุณหลวงพ่อจึงเล่าถึงตอนนำแร่ชนิดนี้กลับมาในประเทศไทยครั้งแรก

ขนแร่ชนิดนี้มาสามกระสอบ

ปรากฏว่าระหว่างทางรถกระบะคันที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อนั่งไปด้วย

เกิดอาการหมุนคว้างสามรอบกลางถนน แล้วมีเสียงดังขึ้นมาทางใจว่า

“ทำไมไม่ชวนไปด้วย” ท่านจึงกล่าวว่า

แร่เหล่านี้น่าจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองอยู่ด้วยเป็นแน่

ในเรื่องนี้มีครั้งหนึ่ง ผมได้มีโอกาสเข้าฝึกกรรมฐานที่จังหวัดเชียงใหม่

ภายใต้การนำของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ หลังจากสมาทานพระกรรมฐานเสร็จแล้ว

พอเข้าสมาธิซึ่งต้องพยายามจับภาพพระไว้เป็นอนุสติ

ปรากฏว่าภาพพระที่คุ้นเคยนึกไม่ออก ปรากฏแต่เป็นภาพพระสมเด็จแร่

จึงพยายามจับภาพไว้ก่อน แล้วภาวนาพุทโธ ตามที่หลวงพ่อเมตตานำปฏิบัติ

จิตก็เคลื่อนไป ใจนึกอยากไปบูชาพระเบื้องบน (พระบนพระนิพพาน)

ก็เห็นภาพตนเองถือถาดบูชาครูไปยังที่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีพระยืนอยู่มากกว่า ๒ องค์

แต่ไม่แน่ใจว่ากี่องค์ แต่ องค์ที่ชัดเจนท่านหนึ่งแต่งกายแบบพระสงฆ์ห่มจีวรลดไหล่สูง

สง่าต่างจากพระทั่วไปออกจะคล้ายๆแขกขาว

ท่านหันมารับถาดแล้วหยิบพระแร่คืนให้

(วันนั้นผมเพิ่งได้รับคืนพระสมเด็จแร่กลับมาก่อนฝึกกรรมฐานหลังจากที่หล่นหายไปก่อนหน้านี้ จึงนำวางไว้ในถาดบูชาครู)

แต่ องค์ที่ผมมีและใส่ไว้ในถาดเป็นแบบเลี่ยมสแตนเลส

แต่องค์ที่พระท่านยื่นให้เลี่ยมทองสวยงาม ก็นึกดีใจรีบรับคืน

ซักพักจิตเคลื่อนถอยออกมารู้ตัว ภาพนั้นจึงเลือนไปแล้วลืมตา

เนื่องจากเวลาฝึกยังเหลืออีกกว่าชั่วโมง

เลยหยิบพระแร่ขึ้นมากำแล้วพยายามเข้าสมาธิอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่เหมือนรอบแรก

หาวหนักมาก ขาซ้ายก็รู้สึกเมื่อยจึงนั่งชันเข่าซ้ายและเท้าแขนขวากับเก้าอี้ข้างๆ

รู้สึกตัวเองคล้ายกับคนมีอายุแต่ผอมหน่อยแล้วหาวหนักๆ อีกครั้ง

พอหยุดหาวจิตก็ดูสงบมากภาพที่ปรากฏคล้ายๆ

ยืนอยู่บนยอดเขาที่หนึ่งแล้วมองเห็นยอดเขาหลายๆ ยอดเขา

มีหุบเขาดูจะลึกมากแสดงว่าที่ยืนอยู่สูงมากแสงแดดกำลังสวย

ความรู้สึกบอกว่าเป็นแหล่งต้นทางของแร่ที่นำมาทำพระ

แต่เหมือนจะยังไม่มีบุญได้เข้าไป (หลวงพ่อว่าข้างในมีของอัศจรรย์อีกมาก)

แล้วจิตก็ถอยออกมาแต่ยังไม่ลืมตา รู้สึกว่าชายคนนั้นยังอยู่กับผม

เลยตั้งจิตถามว่ามีอะไรไหม จิตรับรู้ว่าท่านเป็นผู้ดูแลแร่เหล่านี้ ท่านสื่อว่า

คนส่วนใหญ่ได้รับแร่ไปก็เอาไปเก็บไว้เฉยๆ (ทั้งที่เป็นพระและที่เป็นเม็ดหรือก้อน)

หากจะให้ได้ผลจริง ต้องนำมาพก นำมาใช้และบอกกล่าวผู้ดูแลรักษาแร่

เมื่อทำบุญกุศลก็ให้นึกถึงเขาด้วย เขาช่วยสงเคราะห์ได้หลายเรื่อง

แม้แต่เรื่องการปฏิบัติ เมื่อนำเรื่องมาเรียนถามความเห็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อ

ท่านก็รับรองว่าเป็นจริงและเผยแพร่ได้

อีกประการหนึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อมักเตือน

ให้ระมัดระวังการพกก้อนแร่เหล่านี้ติดตัวว่า ไม่ควรพกมากตั้งแต่ ๕ เม็ดขึ้นไป

มักจะพบว่า เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องมืออิเลคทรอนิคส์

โทรศัพท์มือถือ มักจะมีปัญหาขัดข้อง อาจเสียหายขัดข้องโดยไม่มีสาเหตุ

บางครั้งแม้แต่รถยนต์ก็เคยเกิดอาการแปลก ๆ โดยท่านกล่าวว่า

“แร่นี้ก้อนเล็กก้อนใหญ่มีผลเหมือนกัน”

ทั้งนี้ก็เป็นประสบการณ์ที่คณะศิษย์เคยนำมากราบเรียนหลวงพ่อให้ทราบ

ท่านจึงเมตตานำมาเล่าบอกต่อไป

จึงน่าคิดต่อไปว่านอกเหนือจากเรื่องที่แร่ดังกล่าวมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดูแลรักษาแล้วนั้น

แร่ชนิดนี้ก็น่าจะมีอานุภาพในตัวอีกด้วยหรืออาจจะเรียกว่ามีกายสิทธิ์ในตัว

หรือ คำที่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อมักใช้คือ “แร่พวกนี้มีรังสี”

โดย พระเดชพระคุณหลวงพ่อเมตตาเล่าให้ฟังว่า


ท่านสังเกตว่าเมื่อนำแร่ชนิดนี้มาแกะสลักเป็นองค์พระ

และ นำมาการอธิษฐานจิตพุทธาภิเษก มักจะเกิดอาการร่างกายรู้สึกซาบซ่านเป็นพิเศษ

ท่านเลยกล่าวว่า คงเป็นเพราะคุณสมบัติของแร่ที่มีความสามารถในการซึมซับและประจุ

พลังงานได้มากเป็นพิเศษนั่นเอง

มีครั้งหนึ่งในระหว่างที่ผมได้ติดตามพระเดชพระคุณหลวงพ่อกลับจากกิจนิมนต์

ทางภาคเหนือในระหว่างนั้นได้ฟังซีดีเรื่องราวที่มีผู้กล่าวถึงการเกิดอาวุธอนาคต

นั่นก็คือ “อาวุธรังสี” ซึ่งมีอำนาจทำลายล้างสูงมากยากจะป้องกันได้

ขณะนั้นเองพระเดชพระคุณหลวงพ่อได้หันมาหาผมซึ่งนั่งเบาะด้านหลัง

พร้อมยกมือซึ่งในมือถือแร่หินก้อนเล็ก ๆ พร้อมกล่าวว่า “นี่ไงกันรังสีได้

เราพูดมานานแล้วไม่ค่อยมีคนเข้าใจ แต่บางอย่างมันจะเกิดขึ้นในรุ่นต่อไป

พวกเราอาจจะไม่ทัน ให้เล่าบอกลูกหลานไว้มอบต่อไว้ให้เป็นมรดก”

และ เมื่อคืนวันเสาร์ที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต

ก่อนที่หลวงพ่อจะเดินทางกลับสกลนคร

หลวงพ่อย้ำอีกครั้งตอนที่มีลูกศิษย์มาปรึกษาเรื่องที่โรงงานฟ้าผ่า

ซึ่งท่านแนะนำให้หาสะเก็ดดาวมาไว้กันไฟกันฟ้า

แต่ท่านไม่ได้มีติดตัว ตอนนี้มีแต่แร่นี้กันรังสีได้


แล้วท่านก็ล้วงออกมาจากอังสะ ผมเลยพูดว่า “แร่ทรหด” ท่านก็ว่า “ไม่ใช่

นั่นเขาใช้เรียกแร่ที่มาจากสถานที่แห่งหนึ่งในประเทศไทยแต่อันนี้ไม่ใช่”

ผมเลยพูดต่อว่า “อ๋อ เหล็กไหลพญานาค”

ท่านก็กล่าวว่า “เหล็กไหลอะไร ต้องเรียกให้ถูกว่ามันคือ หินเมืองบังบด”

พระเดชพระคุณหลวงพ่อเคยกล่าวว่า ผมน่าจะเคยมีบุญสัมพันธ์กับผู้ดูแลแร่เหล่านี้

เป็นหน้าที่ที่ต้องเล่าบอกอธิบายให้คนอื่นเข้าใจให้ถูกต้อง

วันนี้ผมจึงกราบขออนุญาตทำหน้าที่นี้เท่าที่สติปัญญามีผนวกกับการรับฟัง

และ รับรู้ของผม เพื่อเป็นปกิณกธรรมระลึกถึงความดีงาม

และ ความเมตตาปรารถนาดีที่พระเดชพระคุณพระครูวิชัยสารคุณ หลวงพ่อหนุน สุวิชโย

มีต่อลูกศิษย์และทุกคนบนโลก

ธรรมพล ศรีสุวรรณ พรชฎาธร
๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๒๓.๕๙ น. ณ ศาลาริมน้ำ วัดพุทธโมกข์ สกลนคร

- เพื่อป้องกัน ความสับสน หากเปลี่ยนที่อยู่จัดส่ง กรุณาส่งข้อความแจ้งพร้อม การแจ้งโอนเงิน
- หากโอนแล้ว กรุณา แจ้ง
- พระมูลค่าปิด ต่ำกว่า 500 ขออนุญาติส่งแบบลงทะเบียน (ได้รับพระ 5-10 วันหลังส่ง)
- หากต้องการให้ส่งแบบอีเอ็มเอสเพิ่ม 30 บาท


กรุณาแจ้ง การโอนเงินทุกรายการ กรุณาแจ้งด้วยว่าจำนวนเท่าไหร่ พระอะไรครับเพื่อให้การจัดส่งรวดเร็วยิ่งขึ้น / ไม่แจ้งรายละเอียดส่งช้าครับ ++++ ผ่านMail Box ของทางเวปเท่านั้น
* สำคัญที่สุด **** ทุกยอดโอนกรุณาแจ้งทาง Mail Box G -Pra เท่านั้น ** ไม่รับแจ้งทาง SmS หรือ โทรศัพท์ ทุกกรณี**** /+ จะเปลี่ยนที่อยู่แจ้งตอนโอนเสร็จแล้ว **อย่าแจ้งก่อนกันสับสน++
ราคาเปิดประมูล100 บาท
ราคาปัจจุบัน250 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ50 บาท
วันเปิดประมูล - 11 ก.พ. 2566 - 14:12:09 น.
วันปิดประมูล - 12 ก.พ. 2566 - 18:01:53 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลnop168 (19.7K)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     250 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     50 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    montree_eit (381)(2)

 

Copyright ©G-PRA.COM