(0)
รูปหล่อพระครูสุนทรขันติคุณ (หลวงปู่สาย) วัดดอนกระต่ายทอง อ.ไชโย จ.อ่างทอง สูง 1 นิ้ว พร้อมกล่องเดิม








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องรูปหล่อพระครูสุนทรขันติคุณ (หลวงปู่สาย) วัดดอนกระต่ายทอง อ.ไชโย จ.อ่างทอง สูง 1 นิ้ว พร้อมกล่องเดิม
รายละเอียดหลวงปู่สาย ขนฺติโก ( พระครูสุนทรขันติคุณ) อายุ 94 ปี พรรษา 73
วัดดอนกระต่ายทอง ตำบล ราชสถิตย์ อำเภอ ไชโย จังหวัด อ่างทอง
หลวงปู่สาย ผู้เปี่ยมด้วยเมตตาและขันติธรรม ผู้สืบสายพุทธาคม หลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท , วัดนก และหลวงพ่อซวง แห่งวัดชีปะขาว พระเกจิชื่อดังแห่งเมืองสิงห์บุรี ที่ทุกคนต้องรู้จักดี

หลวงปู่สาย ขนฺติโก ท่านเกิด วันจันทร์ ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 12 ปีขาล ตรงกับวันที่ 19 ตุลาคม 2457 ณ.บ้านไชโย อ.ไชโย จ.อ่างทอง ใกล้กับวัดสกุณารามหรือวัดนก วัดที่มีพระกรุวัดนกอันโด่งดัง หลวงปู่ท่านเป็นบุตรของคุณพ่อพลอย และคุณแม่สิน จีนขจร มีพี่น้อง 6 คน เป็นชาย 4 คน เป็นหญิง 2 คน คือ นายสาย จีนขจร (หลวงปู่สาย ขนฺติโก) นายวิสุทธิ จีนขจร
นายอุทัย จีนขจร นายเตี้ยม จีนขจร (หลวงตาเตี้ยม พระน้องชาย) นางลูกอิน จีนขจร
หลวงปู่ท่านเป็นบุตรคนโต ในวัยเด็กหลวงปู่ท่านได้ช่วยเหลืองานของบิดา มารดา และดูแลน้อง ๆ ด้วยความขยันหมั่นเพียร มีจิตใจใฝ่ในทางกุศลมาตั้งแต่เด็ก ท่านเคยเล่าให้ฟังว่าเวลาโยมพ่อหรือโยมแม่หาปลามาได้และจะต้องนำปลามาตากแห้งบ้าง หั่นเป็นชิ้นบ้าง ที่ต้องฆ่าปลาหรือทุบหัวปลาท่านจะหลีกเลี่ยง หรทอหนีไปให้ไกลไม่ยอมทำเพราะสงสาร และไม่อยากทำบาป บางครั้งแอบปล่อยหนีไปก็มีซึ่งนับได้ว่าเป็นเด็กที่มีใจเมตตาผิดแปลกจากเด็กทั่ว ๆ ไป
ในสมัยเด็กท่านก็วิ่งเล่นอยู่ในวัดนดและวัดชีปะขาว ท่านเคยเล่าว่าตอนเด็ก ๆ นี่เรียนอยู่ที่วัดชีปะขาวกับหลวงพ่อซวง หลวงพ่อซวงท่านเองท่านก็เห็นหลวงปู่มาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ท่านเองก็เคยซุกซนตามประสาเด็กจนถูกหลงพ่อซวงตีด้วยไม้เรียวก็มี หลวงปู่สายเคยบวชเณรอยู่ที่วัดชีปะขาวอยู่ถึง 5 พรรษา ก่อนที่จะบวชพระ ท่านชอบศึกษาเล่าเรียนและชอบสนทนากับพระสงฆ์ ในปี 2476 ท่านเรียนจบ ชั้น ป.4 จากโรงเรียนวัดบ้านเบิก อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ในระหว่างที่กำลังศึกษาเล่าเรียนอยู่นั้น ท่านสนใจด้านวิชาอาคมและด้านสมุนไพรได้ท่องเที่ยวเสาะแสวงหาครูบาอาจารย์ ในละแวกนั้น เพื่อขอร่ำเรียนวิชาอาคมต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
กับหลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว สิงห์บุรี พระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านและท่านก็คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี และหลวงปู่สายท่านจึงมีความรู้ต่าง ๆ มากมายทั้งด้านวิชาอาคม
และด้านว่านยาสมุนไพรมาตั้งแต่ก่อนอุปสมบท นอกจากนี้ท่านยังเคยเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 5 ต.ไชโย อ.ไชโย จ.อ่างทอง อีกด้วย
สู่ร่มเงาแห่งกาสาวพัสตร์
เหตุผลหนึ่งที่หลวงปู่ท่านมีความต้องการอยากจะบวช ท่านเล่าให้ฟังว่า สมันก่อนนั้นมีไม่อะไรนอกจากทำนาทำไร่ พอเช้าไก่ขันนกร้องก็ถือจอบเสียมออกไปทำนา กลับมาก็พักผ่อนหลับนอน ชีวิตอยู่กับธรรมชาติก็หมุนเวียนเปลี่ยนไปเดี๋ยวก็วันเดี๋ยวก็คืนท่านเห็นว่าไม่มีแก่นสาระประโยชน์อันใดหลังจากช่วยโยมพ่อโยมแม่ทำนาทำไร่มาหลายปีพออายุครบบวชก็เลยตัดสินใจบวช ท่านรู้สึกเฉย ๆ กับการเป็นฆารวาสจึงไม่คิดดดอยากจะสึก เหตุผลประการหนึ่งที่ท่านไม่คิดอออยากจะสึกคือไม่อยากทำนาทำไร่ เพราะต้องออกหาปลาดักสัตว์ท่านไม่อยากฆ่าสัตว์ ตัดชีวิตไม่อยากเบียดเบียนชีวิตซึ่งกันและกันรู้พอใจยินดีในการบวชมากกว่า ดูแบบอย่างจากหลวงพ่อซวงที่ท่านเคบไปอยู่ด้วยอยู่เป็นพระสงฆ์ปฎิบัติตามพระธรรมวินัย สบายกว่ากันมาก ไม่ต้องไปใช้ชิตที่ก่อทุกข์โทษสร้างกรรมสร้างเวรให้กับตนเองและผู่อื่น
เมื่ออายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ หลวงปู่สายท่านได้เข้าอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดสกุณารามหรือวัดนก อ.ไชโย จ.อ่างทอง ในวันที่ 20 กรกฎาคม 2477 โดยมีพระเจ้าอธิการบุญ วัดสามประชุม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระบัว วัดสกุณาราม เป็นพระกรรมวาจารย์ และพระชม วัดดอนกระต่ายทอง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับสมยานามว่า “ขนฺติโก” คือ “พระผู้มีความอดทนยิ่ง” ซึ่งท่านพระอุปัชฌาย์ท่านคจะเห็นในอุปนิสัยในความอดทน มีความขยันหมั่นเพียรของหลวงปู่ท่านจึงได้มอบฉายานี้ให้แก่หลวงปู่สาย สำหรับพระอนุสาวนาจารย์ของท่านคือ หลวงพ่อชม แห่งวัดดอนกระต่ายทองนั้น ท่านเป็นพระวิปัสนาจารย์ที่มีศีลจริยวัตรเคร่งครัด และมีชื่อเสียงในสมัยนั้น หลวงพ่อชมท่านชอบออกธุดงค์เข้าป่าเป็นประจำในหน้าแล้งของทุกปี หลังจากอุปสมบทแล้วหลวงปู่สายท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดนกเป็นเวลา 2 พรรษา เพื่อศึกษาเล่าเรียนอักขระขอม และด้านว่านยาสมุนไพร กับหลวงปู่เฟื่อง ท่านพระอาจารย์ปลั่ง ท่านเป็นพระที่แก่กล้าและแตกฉานในด้านวิชาไสยเวทย์และ ด้านว่านยาสมุนไพรว่านยาอาคมต่าง ๆ ท่านเป็นศิษย์ในสายพุทธาคมหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท หลวงปู่สายท่านเป็นที่ถูกอัธยาศัยของหลวงปู่เฟื่องและพระอาจารย์ปลั่งอย่างมาก เพราะเป็นพระผู้ที่มีความขยันและอดทนท่านพระอาจารย์ทั้งสองจึงได้ถ่ายทอดสรรพวิชาต่าง ๆ ให้กับหลวงปู่สายอย่างไม่ปิดบังอำพรางตลอดแนะนำเคล็ดวิชาต่าง ๆ จนหมดภูมิความรู้ของท่าน หลังจากได้ศึกษาเล่าเรียนจากสำนักวัดนกแล้วหลวงปู่สายท่านมีความสนใจในการปฎิบัติพระกรรมฐานจึงได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดดอนกระต่ายทองเพื่อศึกษาด้านวิปัสสนากรรมฐานและปฏิบัติจิตภาวณากับหลวงพ่อชม วัดดอนกระต่ายทอง หลวงพ่อชมท่านก็ได้อบรมในเรื่องจิตภาวนาให้กับหลวงปู่อย่างใกล้ชิดและได้ร่วมออกธุดงค์ไปกับหลวงพ่อชมในหน้าแล้งของทุกปีเพื่อฝึกฝนปฎิบัติกรรมฐานสมาธิและจิตใจให้เข้มแข็งและแก่กล้า
ปลายปี พ.ศ. 2481 หลวงปู่สายท่านได้เดินทางเข้ามาเล่าเรียนศึกษาด้านปริยัติธรรมและหัดท่องพระปาติโมกข์กับหลวงปู่ถม พุทธสโร วัดโพธิ์เรียง ซึ่งตั้งอยู่ในเขตบางกอกน้อย กทม.
หลวงปู่ถมท่านไดอุปสมบทที่วัดดอนกระต่ายทอง ท่านเป็นพระคณาจารย์ทีมีชื่อเสียงรุ่นเดียวกับหลวงปูโต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ในสมัยนั้นไม่ว่าจะมีงานพิธีพุทธาภิเษกที่ใดย่อมต้องมีหลวงปู่ถมร่วมด้วยทุกครั้งไป หลวงปู่สายท่านได้จำพรรษาศึกษาเล่าเรียนด้วยความตั้งใจอย่างยิ่งจนกระทั่งท่านสามารถท่องพระปาติโมกข์ได้อย่างคล่องแคล่ว นอกจากนี้ท่านยังได้วิชาอาคมไสยเวทย์และด้านวิชาสมุนไพรซึ่งหลวงปู่ถมเองท่านมีความรู้ความเชี่ยวชาญ มีกิตติศัพธ์
เลื่องลือไปไกลซึ่งหลวงปู่ถมเองท่านก็ให้ความเอ็นดูเมตตาต่อท่านเป็นอย่างมาก หลวงปู่สายท่านได้จำพรรษาที่วัดโพธิ์เรียงเป็นเวลา 2 พรรษา จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2483 ท่านก็ได้เดินทางกลับมาจำพรรษาที่วัดดอนกระต่ายทองนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจวบจนปัจจุบัน

เมื่อกลับมาจำพรรษาที่วัดดอนกระต่ายทอง ท่านก็ได้ทบทวนความรู้ต่าง ๆ ที่ท่านได้เล่าเรียนมา และมาต่อวิชากับหลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว ซึ่งท่านเคยมาเรียนตั้งแต่สมัยยังไม่ได้
บวช นอกจากนี้ท่านยังได้ศึกษาจากสมุดข่อยโบราณที่ตกค้างตามวัดต่าง ๆ ในแถบเมืองไชโยและละแวกใกล้เคียง โดยศึกษาด้วยตัวเองและทดลองทำตามที่ตำราได้บอกไว้ก็สามารถทำได้ผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์ตามที่ระบุไว้ในตำราทุกประการ ดังเช่นที่วัดวงศ์ภาสน์ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดดอนกระต่ายทองเท่าใดนักสมัยหนึ่ง หลวงปู่พุฒ สารสุข(ปัจจุบันมรณภาพแล้ว) ซึ่งท่านเป็นเณรที่อุปัฏฐากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงปู่พุฒท่านเคยมาจำพรรษาอยู่ที่วัดวงศ์ภาสน์ถึง 2 พรรษา หลวงปู่สายท่านก็ได้ไปขอแลกเปลี่ยนวิชากับหลวงปู่พุฒและศึกษาเพิ่มเติมจากตำราเก่าของหลวงปู่ศุขวัดมะขามเฒ่าที่หลวงปู่พุฒท่านได้มอบไว้ให้ หลวงปู่ท่านเล่าว่าได้ทดลองปฏิบัติทำตามตำราก็ได้ผลเป็นอัศจรรย์ยิ่งหลวงปู่ท่านยังบอกอีกตำราหลวงพ่อวัดมะขามเฒ่านั้น ล้ำลึกและพิศดารมาก
เป็นพระหมอยาโบราณรักษาชาวบ้าน
ภายหลังจากท่านมาอยู่ที่วัดดอนกระต่ายทองแล้ว อายุกาลพรรษาก็มากขึ้นตามวัยด้วยความรู้ความสามารถประกอยกับศรัทธาที่ชาวบ้านที่มีต่อท่าน เวลาที่ชาวบ้านเดือดร้อนก็มักจะมาขอความช่วยเหลือในเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานมงคล เครื่องรางของขลัง ขับไล่ภูตผี
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องความเจ็บไข้ได้ป่วยในสมัยนั้นการสาธารณสุขก็ยังไม่ดีเช่นทุกวันนี้ เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วย ก็รักษาตามมีตามเกิดหลวงปู่เองก็นึกเมตตา สงสารชาวบ้านท่านจึงได้เริ่มรักษาชาวบ้านด้วย ความรู้ด้านว่านยาสมุนไพรคาถาอาคมต่าง ๆ ที่ท่านมีความชำนาญ จนเป็นที่เลื่องลือกล่าวขานกันทั่วไปในละแวกนั้น นอกจากท่านจะได้ศึกษาด้านว่านยา สมุนไพรจากหลวงปู่เฟื่องและพระอาจารย์ปลั่ง วัดนกแล้ว ท่านยังได้ศึกษาวิชาหมอแผนโบราณเพิ่มเติมกับอาจารย์สดซึ่งเป็นฆารวาสที่อยู่วัดสระเกศ อ่างทอง และที่วัดสระเกศนี้เองก็มีหลวงพ่อโต๊ะพระพระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคมที่ชาวอ่างทองให้ความเคารพเลื่อมใสและรู้จักกันดี หลวงปู่สายเองท่านก็มีความสนิทสนมแวะเวียนไปมาหาสู่สนทนากับหลวงพ่อโต๊ะเสมอ ๆ เมื่อครั้งเป็นหมอยาแผนโบราณท่านเล่าให้ฟังว่าในสมัยนั้นการเดินทางยากลำบากมากท่านต้องเดินเท้าไปรักษาคนเจ็บคนป่วยทั้งใกล้ทั้งไกล บางครั้งเดินทางเป็นวัน ๆ กว่าจะถึงบ้านคนเจ็บก็บ่ายก็เย็น
แต่ท่านก็ไม่เคยบ่นหรือท้อถอย ในการเดินทางท่านให้การรักษาแก่ชาวบ้านอย่างสุดความสามารถ ไม่เลือกยากดีมีจนด้วยความเมตตาสงสารจนมีชื่อเสียงเลื่องลือเป็นที่รู้จักด้านการรักษาด้วยยาแผนโบราณของท่าน นอกจากนี้ท่านยังมีความรู้เรื่องว่านยาอย่างลึกซึ้งอีกด้วย ลูกศิษย์รุ่นเก่าๆเล่าให้ฟังว่าหลังจากฉันท์เช้าแล้ว ท่านก็จะเริ่มรักษาชาวบ้านเลยหรือหากวันใดไม่มีคนป่วยท่านก็จะลงไปสวนป่าสมุนไพร ว่านยาที่ท่านปลูกไว้สมัยนั้นบริเวณวัดดอนกระต่ายทองเต็มไปด้วยว่านยาสมุนไพรนานาชนิด เมื่อมีใครเจ็บไข้ได้ป่วย ก็สามารถจัดหามารักษาได้อย่างทันท่วงที หลวงปู่ท่านเป็นหมอยาโบราณให้กับชาวบ้านด้วยความเมตตามาช้านานไม่เคยคิดค่ายารักษา จนกระทั่งการสาธารณสุขเริ่มดีขึ้น ประกอบด้วยอายุท่านมากขึ้นจึงได้เลิกราไป ด้วยความที่ท่านเป็นหมอยามาก่อนท่านจึงมีความชำนาญแตกฉานเกี่ยวกับเรื่องของอาการ 32 และธาตุเป็นอย่างมาก ท่านรู้ในธาตุรู้ในอาการอย่างลึกซึ้ง โดยปกติหลวงปู่จะไม่ค่อยพูดไม่เล่าอะไรให้ฟัง ครั้งหนึ่งตอนที่ท่านอารมณ์ดี ๆ เผลอ เล่าให้ฟังว่า “นะโมพุทธายะ พระเจ้า 5 พระองค์นี้เปรียบเสมือนแม่ธาตุใหญ่เป็นรากเหง้าของธาตุทั้ง 4 นะมะพะธะ ธาตุทั้ง 4 เป็นธาตุหล่อเลี้ยงร่างกาย สังขารที่ปรุงแต่งขึ้นมาเป็นตัวก็เป็นธาตุที่ถอดออกจากแม่ธาตุใหญ่คือนะโมพุทธายะ ถ้าหากว่าธาตุทั้ง 4 กองนี้ สมบูรณ์ไม่วิปริตผิดแผกไป ร่างกายก็มิได้มีการเจ็บไข้ และหากธาตุทั้ง 4 นี้เกิดอการวิปริตขึ้นเมื่อใดจะเป็นธาตุหนึ่งธาตุใดก็ตาม อาการเจ็บไข้ก็จะบังเกิดขึ้นทันทีและก็เป็นไปตามลักษณะอาการของธาตุที่วิปริตนั้น ฉะนั้นธาตุทั้ง 4
นี้เองจึงเป็นสมมุติฐานใหญ่ในคัมภีร์แพทยศาสตร์ สำหรับใช้พิจารณาตรวจดูอาการโรคภัยไข้เจ็บทั้งมวลเมื่อเราประกอบพิธีกรรมกระทำใด ๆ ก็ตาม พึงกระทำธาตุในตัวเราให้ตั้งมั่นสมบูรณ์เสียก่อน โดยการตั้งธาตุหนุนธาตุให้ถูกต้องตามลักษณะการที่จะกระทำนั้นและเมื่อกระทำการเสร็จแล้วก็ควรจะหนุนธาตุให้เกิดอิทธิฤทธิ์ยิ่ง ๆ ขึ้นอีก เมื่อาตุในกายเราเป็นปกติสมบูรณ์ก็จะทำให้กำลังใจของเราเข้มแข็งสามารถที่จะทำให้บรรลุในสิ่งที่ต้องการได้ดังปรารถณา เราต้องตั้งแม่ธาตุก่อนจึงตั้งตัวธาตืเมื่อจะตั้งธาตุทั้ง 4 กองก็ต้องมีธาตุพระเจ้าคือธาตุกรณีกำกับลงไปเพื่อเป็นพี่เลี้ยงคุมธาตุ
เมื่อตั้งธาตุบริบูรณ์แล้วก็ให้ทำการหนุนาตุด้วยแก้ว 4 ดวงคือ แก้วมณีโชติ แก้วไพฑูรย์ แก้ววิเชียร แก้วปัทมราช ให้พิจารณาดูว่าจะกระทำการใด เช่นจะแก้โรคภัยไข้เจ็บให้ตรวจดูว่าโรคนั้นเป็นเพราะธาตุใดวิกลไป ก็ให้ตั้งธาตุนั้นและหนุนธาตุให้ดีดังเดิม แต่หากจะกระทำการปลุกเสกก็ให้พิจารณาว่าจะปลุกเสกก็ให้พิจารณาว่าจะปลุกเสกไปในด้านไหน เข้าในหมวดธาตุใดก็ให้เอาธาตุนั้นหนุน พอได้ฟังท่านเล่ามา อย่างนี้ ทำให้รู้ว่าหลวปู่ท่านมีความรู้เรื่องธาตุละเอียดลึกซึ้งเป็นอย่างดี
ขอขอบคุณข้อมูลจากหนังสือพระเครื่องพระเกจิ ที่นำเสนอประวัติหลวงปู่สายมาให้ได้ทราบกันครับ

รับประกันพระแท้ สนใจข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 081-622-1037 083-2699000
ราคาเปิดประมูล490 บาท
ราคาปัจจุบัน610 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ10 บาท
วันเปิดประมูล - 11 ธ.ค. 2551 - 18:13:23 น.
วันปิดประมูล - 12 ธ.ค. 2551 - 20:46:31 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลTing_sathu (8.9K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 11 ธ.ค. 2551 - 18:13:50 น.
.


..


ข้อมูลเพิ่มเติม 2 - 11 ธ.ค. 2551 - 18:14:21 น.
.


...


ข้อมูลเพิ่มเติม 3 - 12 ธ.ค. 2551 - 12:06:50 น.

ข่าวจากเพื่อสมาชิก

หลวงปู่สาย ท่านได้มรณะภาพแล้ว สร้างความโศกเศร้าและอาลัย ท่านได้ละสังขารเมื่อเวลาประมาณ 08.00 น.


 
ราคาปัจจุบัน :     610 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     10 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    nmsnsc (867)

 

Copyright ©G-PRA.COM